Thursday, October 8, 2009

6 เทคนิคกั้นลมปาน (ตด)

อุ๊ย...พูดถึงเรื่องลมปานเดินทีไร คงหนีไม่พ้นการผายลม หรือ 'ตด' นั้นเอง
บางครั้งสิ่งนี้ก็อาจเป็นเรื่องทีทำให้เรารู้สึกอับอาย หากกำจัดออกมาแบบไม่ถูกที่ถูกทาง
ว่าไปมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนทำกัน แต่จะดีกว่าไหมถ้าหากเราควบคุมมันได้

จริงๆ แล้วการผายลมมันเป็นอาการที่ควบคุมไม่ค่อยได้ หากถึงขีดสุด
ซึ่งอาการผายลมนั้นเกิดจากการมีอากาศ หรือแก๊สในกระเพาะมากเกินไป
แต่จะให้ปล่อยออกมาในที่สาธารณะ ก็คงจะมีคนทักว่า "ใครตด" เป็นแน่แท้
ถ้าโชคดีไม่มีเสียงก็แล้วไป แต่ถ้าโชคร้ายดันมาเป็นคู่ทั้ง กลิ่น และเสียง ละก็
แทบไม่อยากคิดถึงสายตาคนรอบข้างเลยเรา!!

เพราะเหตุนี้เราจึงมีเทคนิคพิชิตลมปาน "ตด" มาฝากกัน
1. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มเติมแก๊ส เช่น เบียร์ โซดา น้ำอัดลม เพราะของเหล่านี้มีแก๊ส
ซึ่งจะทำให้เรอ และผายลมออกมามากขึ้น

2. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มปรุงสำเร็จ ที่มีส่วนประกอบของน้ำเชื่อมฟรัคโทส (fructose syrup)
เช่น เครื่องดื่มกระป๋อง น้ำผลไม้กระป๋อง บางคนอาจดูดซึมน้ำตาลชนิดนี้ได้น้อย
ทำให้ท้องอืด หรือผายลมออกมากขึ้น

3. อย่ากินอาหาร หรือดื่มน้ำเร็วเกินไป เพราะระหว่างกินเราจะ กลืนอากาศเข้าไปด้วย
หากเรากินเร็วมากเท่าไร ก็เท่ากับว่าเรากลืนเอาลมมากตามไปด้วย ถ้ากินช้าๆ
เคี้ยวให้ละเอียดจะช่วยให้อากาศเข้าสู่ร่างกายได้น้อยลง

4. หยุดสูบบุหรี่ อันนี้คงเป็นเรื่องอยากสำหรับนักดูดอย่างสิ่งรมควัน
แต่รู้หรือไมว่า....การสูบยา คือการสูบอากาศเข้าไปด้วย

5. ลดอาหารที่มีกำมะถันเป็นส่วนประกอบ เช่น ไข่ เนื้อสัตว์ กะหล่ำปลี
ซึ่งอาหารเหล่านี้จะทำให้เกิดแก๊สสะสมที่มีกลิ่นเหม็นในกระเพาะได้

6. ลดการรับประทานถั่วสด และผักสด การกินถั่วสด ถั่วอบแห้ง และผักบางชนิด
อาจมีน้ำตาลที่ร่างกายย่อยไม่ได้ แบคทีเรียในลำไส้จะย่อยน้ำตาลพวกนี้แทน
ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะ จึงควรกินถั่ว และผักที่ปรุงสุกแล้ว

สิ่งเหล่านี้เป็นแค่...วิธีป้องกัน และหลีกเลี่ยงการเกิดแก๊สในกระเพาะให้น้อยลง
ซึ่งเป็นต้นเหตุของการขับลมปาน แต่หากสุดวิสัยจริงๆ กับการสะกดจุดลมปานนั้นไม่ได้
จนต้องกำจัดออกมากลางที่สาธารณะ ก็คงต้องเสี่ยงดวง แล้วยอมรับชะตากรรม

ว่า... จะมีใครจับได้ไหม สำหรับกลิ่น และเสียงที่ออกมา เพราะว่าหลังจากนั้น
จะมีคำถามที่ว่า.. "ใครตดวะ เหม็นชิหายเลย" และถ้าเพื่อนๆ กล้าพอก็ยอบรับซะ
แต่ถ้ายังหน้าบางอยู่ ก็ขอแนะนำให้ทำหน้านิ่งๆ เนียนๆ และเงียบไป +___+

0 comments: