Tuesday, March 10, 2015

ตะขบ สรรพคุณและประโยชน์ของตะขบฝรั่ง 20 ข้อ


ตะขบ ชื่อสามัญ Calabura, Jam tree, Jamaican cherry, Malayan Cherry, West Indian Cherry [1],[2]
ตะขบ ชื่อวิทยาศาสตร์ Muntingia calabura L. จัดอยู่ในวงศ์TILIACEAE[1]
สมุนไพรตะขบ มีชื่อท้องถิ่นอืนๆ ว่า ครบฝรั่ง (สุราษฎร์ธานี), หม่ากตะโก่เสะ (กะเหรี่ยงแดง), ตากบ (ม้ง), เพี่ยนหม่าย (เมี่ยน), ตะขบฝรั่ง (ไทย) เป็นต้น[1],[2]

ลักษณะของตะขบ

  • ต้นตะขบ จัดเป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงได้ประมาณ 5-7 เมตร และอาจสูงได้ถึง 10 เมตร แตกกิ่งก้านแผ่ขนานกับพื้นดิน เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีเทา ตามกิ่งอ่อนมีขนนุ่มขึ้นปกคลุม ตะขับหรือตะขบฝรั่งนี้มีถิ่นกำเนิดในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ พบปลูกเป็นไม้ประดับหรือไม้ผลทั่วไปในเขตร้อน ในประเทศพบพบปลูกเป็นไม้ประดับหรือไม้ผล และมักพบขึ้นเป็นวัชพืชตามที่รกร้างว่างเปล่าตามป่าโปร่งทั่วไป หรือมักขึ้นเองตามธรรมชาติที่นกและสัตว์ขนาดเล็กถ่ายมูลเมล็ดตะขบทิ้งไว้ สามารถขยายพันธุ์ได้เองโดยวิธีการเพาะเมล็ด ออกดอกและติดผลได้ตลอดทั้งปี[1],[3],[4]
ต้นตะขบ
ต้นตะขบฝรั่ง
  • ใบตะขบ ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับแบบทแยงกัน ลักษณะของใบเป็นรูปไข่แกมขอบขนาน ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมนหรือข้างหนึ่งมนส่วนอีกข้างหนึ่งแหลม ส่วนขอบใบจักเป็นซี่ฟันเล็กๆ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-3.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 4.5-9 เซนติเมตร หลังใบด้านบนเป็นสีเขียว ส่วนท้องใบด้านล่างเป็นสีนวล หลังใบและท้องใบมีขนนุ่มจับดูจะรู้สึกเหนียวมือเล็กน้อย เส้นแขนงใบมี 3-5 เส้น ก้านใบยาวประมาณ 0.2-0.6 เซนติเมตร และมีขน โคนก้านเป็นปมๆ[1],[2]
ใบตะขบ
  • ดอกตะขบ ออกเป็นดอกเดี่ยวหรืออกเป็นคู่ โดยจะออกบริเวณเหนือซอกใบ ดอกเป็นสีขาว เมื่อดอกบานจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร กลีบดอกย่นเป็นสีขาวมี 5 กลีบ ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปไข่กลับป้อมๆ ปลายกลีบมน มีขนาดกว้างประมาณ 9 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 11 มิลลิเมตร ส่วนกลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ ไม่ติดกัน เป็นสีเขียว ลักษณะเป็นรูปหอก ปลายกลีบแหลมเป็นหางยาว โคนกลีบตัด กลีบด้านนอกมีขนขึ้นปกคลุม ส่วนด้านในเกลี้ยง กลีบเลี้ยงมีขนาดกว้างประมาณ 3 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 10-12 มิลลิเมตร ดอกมีเกสรเพศผู้จำนวนมาก ก้านเกสรยาวประมาณ 5-6.5 มิลลิเมตร เกลี้ยง ส่วนก้านเกสรเพศเมียสั้น ภายในมี 5-6 ช่อง แต่ละช่องจะมีไข่อ่อนจำนวนมาก ก้านดอกยาวประมาณ 1.5-1.6 เซนติเมตร มีขน[1],[2]
ดอกตะขบ
  • ผลตะขบ หรือ ลูกตะขบ ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.75-1.5 เซนติเมตร เปลือกผลบาง ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ผลมีรสหวาน ภายในมีเมล็ดแบนขนาดเล็กจำนวนมาก[1],[2]
ผลตะขบ
ลูกตะขบ

สรรพคุณของตะขบ

  1. ผลสุกมีรสหวานเย็นหอม มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ (ผล)[4],[5]
  2. ดอกตะขบมีสรรพคุณเป็นยาแก้อาการปวดศีรษะ ด้วยการใช้ดอกแห้งประมาณ 3-5 กรัม นำมาชงเป็นน้ำชาดื่ม (ดอก)[1],[2],[4],[5]บ้างใช้เนื้อไม้เป็นยาแก้อาการปวดศีรษะ (เนื้อไม้)[4]
  3. ใช้เป็นเป็นยาแก้หวัด ลดไข้ ด้วยการใช้ดอกแห้งประมาณ 3-5 กรัม นำมาชงเป็นน้ำชาดื่ม (ดอก)[1],[2],[4],[5] บ้างใช้เนื้อไม้เป็นยาแก้ไข้หวัด (เนื้อไม้)[4]
  4. ใบมีรสฝาดเอียด มีสรรพคุณเป็นยาขับเหงื่อ (ใบ)[4]
  5. รากมีสรรพคุณเป็นยาแก้เสมหะ ช่วยกล่อมเสมหะและอาจม (ราก)[4],[5]
  6. ช่วยแก้อาการปวดเก็งในทางเดินอาหาร ด้วยการใช้ดอกตะขบแห้ง 3-5 กรัม นำมาชงกับน้ำเป็นชาดื่ม (ดอก)[1],[2],[4],[5]
  7. เนื้อไม้มีสรรพคุณเป็นยาแก้ท้องร่วง บิดมูกเลือด (เนื้อไม้)[4]
  8. ต้นใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาระบาย เนื่องจากมีสาร mucilage มาก (ต้น)[1],[2],[4] หรือจะใช้เปลือกต้นสดหรือแห้ง (รสฝาด) ประมาณ 1 ฝ่ามือ นำมาสับเป็นชิ้นต้มในน้ำเดือน 1 ลิตร ประมาณ 15 นาที แล้วกรองเอาแต่น้ำดื่มเป็นยาระบายก็ได้ (เปลือกต้น)[4],[5]
  9. เนื้อไม้ใช้เป็นยาขับไส้เดือน (เนื้อไม้)[4]
  10. ดอกใช้ต้มรวมกับสมุนไพรอื่นกินเป็นยาขับระดูของสตรี (ดอก)[1],[2],[4]
  11. ใช้เป็นยาแก้โรคตับอักเสบ ด้วยการใช้ดอกนำมาต้มรวมกับสมุนไพรอื่นกิน (ดอก)[1],[2]
  12. ใช้เป็นยาแก้ตานขโมย (เนื้อไม้)[4]
  13. ต้นใช้เป็นยาแก้โรคผิวหนัง ส่วนรากใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนัง แก้ผื่นคันตามตัว (ต้น,ราก)[4]
  14. ดอกใช้เป็นยาแก้ปวดและแก้อักเสบ (ดอก)[6]

ประโยชน์ของตะขบ

  1. ผลสุกมีรสหวานและมีกลิ่นหอม ใช้รับประทานได้ เป็นผลไม้พื้นบ้านที่ชื่นชอบของเด็กๆ[2],[4]
  2. ตะขบเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยพลังงาน เส้นใยอาหาร แคลเซียม โพแทสเซียม และโซเดียม จากการวิจัยพบว่าตะขบสามารถช่วยดูดซับคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ และเส้นเลือดในสมองแตกได้ (ตะขบ 100 กรัม จะให้พลังงาน 97 กิโลแคลอรี, แคลเซียม 51.7 มิลลิกรัม, โพแทสเซียม 773 มิลลิกรัม, โซเดียม 12.8 มิลลิกรัม) (นพ.สมยศ ดีรัศมี)[7]
  3. ผลตะขบเป็นอาหารของนกและสัตว์หลายชนิด ถ้าปลูกไว้ริมฝั่งแม่น้ำ เมื่อผลร่วงลงก็จะเป็นอาหารของปลาด้วยเช่นกัน[6]
  4. ผลตะขบฝรั่งเป็นที่นิยมรับประทานมากในเม็กซิโก ผลสามารถนำไปแปรรูปเป็นแยมหรือไวน์ได้ และนำใบไปแปรรูปเป็นชา[6]
  5. เนื้อไม้ตะขบเป็นไม้เนื้ออ่อน สามารถนำมาใช้ในงานช่างไม้ได้ ส่วนเปลือกใช้เป็นแหล่งของเส้นใย[6]
  6. ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับหรือไม้ผลทั่วไปในเขตร้อน หรือปลูกประดับริมทางเดินเพื่อให้ร่มเงา[3]
References
  1. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  “ตะขบฝรั่ง (Takhob Farang)”.  หน้า 119.
  2. โครงการเผยแพร่ข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นบนพื้นที่สูง, สถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์กรมหาชน).  “ตะขบฝรั่ง, ตะขบ”.  อ้างอิงใน: หนังสือชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย (เต็ม สมิตินันทน์), หนังสือสมุนไพรไทยตอนที่ 5 (ลีนา ผู้พัฒนพงศ์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: eherb.hrdi.or.th.  [21 ธ.ค. 2014].
  3. สำนักงานหอพรรณไม้ สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. “ตะขบฝรั่ง”.  [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: web3.dnp.go.th/botany/.  [21 ธ.ค. 2014].
  4. ผักพื้นบ้านและผลไม้พื้นเมืองภาคใต้, คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่.  “ตะขบฝรั่ง”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: natres.psu.ac.th.  [21 ธ.ค. 2014].
  5. ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม, กระทรวงวัฒนธรรม.  “ต้นตะขบ”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.m-culture.in.th.  [21 ธ.ค. 2014].
  6. วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.  “ตะขบฝรั่ง”. อ้างอิงใน: หนังสือผลไม้ 111 ชนิด (นิดดา หงส์วิวัฒน์, ทวีทอง หงส์วิวัฒน์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: th.wikipedia.org.  [21 ธ.ค. 2014].
  7. ไทยโพสต์.  “มหัศจรรย์ ‘ตะขบ’ ด้อยราคา-มากค่า”.  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก: www.thaipost.net.  [21 ธ.ค. 2014].
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by Forest and Kim Starr, Russell Cumming, Dael Júnior, SierraSunrise, Ahmad Fuad Morad), J.M.Garg
เรียบเรียงข้อมูลโดย ฟรินน์.com
[ ... ]

Monday, March 9, 2015

เคล็ดลับ – ล้างปลาไม่ให้คาว



สำหรับใครหลายคนที่ยังไม่รู้จักกับ วิธีล้างปลาไม่ให้คาว ล่ะก็วันนี้ได้เฮแล้วนะค่ะเพราะด้วย เคล็ดลับ วิธีล้างปลาไม่ให้คาว นี้นอกจากจะช่วยดับกลิ่นคาวของปลาอันไม่พรึงประสงค์แล้ววิธีล้างปลาไม่ให้คาวยังช่วยให้การล้างปลาของคุณสะอาดมากยิ่งขึ้นอีกด้วยซึ่งจะลดปัญหาของเมือกปลาที่ไหลย้อยและลดการลื่นของเมือกปลาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวค่ะ นั้นไม่รอช้ามาฟังเคล็ดลับ วิธีล้างปลาไม่ให้คาว กันเลยดีกว่าค่ะ

วิธีล้างปลาไม่ให้คาว
  •  ล้างน้ำสะอาดแบบธรรมดาก่อน 1 รอบ
  •  เอาเงือกปลาออกและขัดในท้องปลาให้สะอาดจากนั้นก็ล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้งให้สะอาด
  •  ขั้นตอนสุดนำแป้งมัน 1 ช้อนชา ลูบไล้ให้ทั่วตัวปลาทั้งหมด พักไว้ 1 นาที แล้วล้างน้ำสะอาดออก
ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้ปลาไม่คาวและลดเมือกของปลาไปได้เยอะเลยค่ะ


[ ... ]

ไข่ดิบ ไข่ลวก มีประโยชน์หรือให้โทษ ?

ใครนิยมรับประทานไข่ดิบหรือไข่ลวกเพื่อบำรุงร่างกาย วันนี้มีข้อเท็จจริงบางอย่างที่อาจทำให้หยุดคิดว่าผลของการกระทำเช่นนั้น เป็นเรื่องจริงทางวิทยาศาสตร์หรือ



ไข่เป็นของคู่ครัวคนไทยและจัดเป็นอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง มีทั้งโปรตีน ไขมัน วิตามินเอ ธาตุเหล็ก สังกะสี แต่การที่จะกินไข่ให้ได้ประโยชน์ต้องรู้จักกินครับ เพราะในไข่ขาวที่ไม่สุกหรือสุกๆ ดิบๆ จะมีสารที่ชื่อว่า อะวิดิน (avidin) สารตัวนี้จะไปจับวิตามินไบโอติน (biotin) ซึ่งเป็นวิตามินบีชนิดหนึ่ง ทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการขาดไบโอตินได้ นอกจากนี้การกินไข่ดิบหรือไข่ขาวสุกๆ ดิบๆ อาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย คือย่อยยาก ทำให้กระเพาะอาหารต้องทำงานหนัก
ความเชื่อที่ว่ากินไข่ดิบหรือไข่ลวกสุกๆ ดิบๆ เป็นประจำจะทำให้ร่างกายแข็งแรง มีกำลังวังชานั้น คงต้องเลิกเชื่อกันได้แล้วครับ

ที่มา – วิทยาศาสตร์รอบตัว(จาก สสวท.)
[ ... ]

“กล้วยน้ำว้า” ประโยชน์อนันต์


หลายท่านคงรู้จัก กล้วย   ซึ่งมีประโยชน์มากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผลของกล้วย  ซึ่งมีรสชาติหวานอร่อยแล้ว  ส่วนอื่นๆ ของต้นกล้วยก็ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ใช้สอยได้อีกหลายอย่าง ตั้งแต่ใบกล้วยหรือใบตอง ลำต้น หรือแม้กระทั่งหัวปลี
กล้วยน้ำว้า” เป็นกล้วยสายพันธุ์หนึ่งที่ต้องบอกว่ามีประโยชน์เกินกว่าที่เราจะคาดถึงเลยทีเดียว ซึ่งผลกล้วยน้ำว้าสุก 1 ผลนั้น มีประโยชน์ ดังนี้
  • สามารถให้พลังงานแก่ร่างกายของเราได้ประมาณ 60 กิโลแคลอรี่  เป็นพลังงานที่ได้จากน้ำตาลธรรมชาติที่มีอยู่ในกล้วยน้ำว้า โดยมีน้ำตาลธรรมชาติอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน คือ ซูโครส ฟรุกโตส และกลูโคส
  • ส่วนแร่ธาตุและวิตามินในกล้วยน้ำว้านั้น  มีทั้ง แมกนีเซียม  โพแทสเซียม ที่สามารถช่วยป้องกันโรคความดัน  วิตามินบี 6 ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทาน มีวิตามินบี 1 บี 2 วิตามินซี และพบวิตามินเอมากที่สุดในบรรดากล้วยทั้งหลายอีกด้วย
  • ที่พิเศษสุดก็คือ ในกล้วยน้ำว้าจะมีโปรตีนอยู่ด้วย โดยมีทั้งกรดอมิโน อาร์จินิน และฮีสติดิน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก และเพราะว่ามีสารอาหารที่เป็นประโยชน์แบบนี้เอง คุณพ่อคุณแม่จึงให้เด็กๆ กินกล้วยน้ำว้าบดเป็นอาหารอย่างแรกๆ ก่อนที่จะลองให้กินอาหารชนิดอื่นเมื่อโตขึ้น
สรรพคุณทางยาของกล้วยน้ำว้า
  • ในผลดิบนั้นใช้รักษาอาการท้องเดิน-ท้องเสีย โดยใช้ประโยชน์จากสารแทนนินที่มีอยู่ในผลดิบของกล้วยน้ำว้า วิธีบริโภค  โดยให้กินทั้งเปลือก หรือหั่นเป็นแว่นๆ แล้วนำไปตากแห้ง นำมาบดชงผสมกับน้ำร้อน หรือบดแล้วปั้นเป็นเม็ดกินก็ได้ และผลดิบของกล้วยน้ำว้าสามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย โดยใช้กล้วยน้ำว้าดิบนำมาปอกเปลือก ฝานเอาแต่เนื้อเป็นแผ่นบางๆ ตากแดดจนแห้งกรอบแล้วบดเป็นผงละเอียด ละลายกินกับน้ำข้าวหรือน้ำผึ้งก็ได้ ซึ่งในกล้วยดิบจะกระตุ้นเซลล์เยื่อบุในกระเพาะอาหารให้หลั่งสารมิวซินออกมาเคลือบกระเพาะ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้
  • ส่วนในกล้วยน้ำว้าสุก สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ หรือเจ็บหน้าอกจากการไอแห้งๆ ลดการระคายเคืองในลำคอจากอาการไอ กล้วยน้ำว้าสุกช่วยระงับกลิ่นปากได้ โดยหลังจากตื่นนอนแล้วให้กินกล้วยน้ำว้าทันที แล้วค่อยแปรงฟัน
ไม่หมดเพียงเท่านี้  “เปลือกกล้วยน้ำว้า” ยังมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียที่จะทำให้เกิดหนอง และยังช่วยบรรเทาอาการคันเนื่องจากแมลงกัดต่อยได้ด้วย  ประโยชน์มากขนาดนี้ ทาน วันละ ลูก สองลูก คงทำให้สุขภาพดีทีเดียว
[ ... ]

รู้หรือไม่?? "แตงโม" มีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด


ผลไม้ลูกโตๆที่ชื่อเรียกว่าแต่งโมนั้นมีดีว่าที่คิด ไม่ได้เป็นแค่ผลไม้รสหวานฉ่ำ แต่ยังมีประโยช์อีกหลายอย่างที่เราไม่รู้ พร้อมเคล็ดลับดีๆ ในการรับประทาน
อากาศร้อนๆแบบนี้ถ้าได้ผลไม้หวานๆ มาคลายร้อนสักอย่างก็น่าจะดี วันนี้เลยขอแนะนำผลไม้ลูกกลมๆหวานช่ำ แสนอร่อย หรือที่เราเรียกกันว่า “แตงโม” กินง่าย หาซื้อได้ง่าย แถมยังมีประโยชน์มากกว่าที่เราคิดด้วย เรามาดูกันว่า แตงโม จะมีประโยชน์และสรรพคุณอะไรบ้าง
รู้จักกับแตงโมกันสักนิด แตงโม ผลไม้โปรดของใครหลายๆคน ยิ่งช่วงหน้าร้อนแบบนี้ อยากหาแตงโมสักลูกมากินกันให้ชื่นใจ กันเลยก็ว่าได้ ในบ้านเรามีหลายสายพันธุ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น แตงโมจินตหรา แตงโมตอปิโด และแตงโมน้ำผึ้ง(ที่มีเนื้อสีเหลือง) แตงโมเป็นพืชเป็นพืชในวงศ์ (Cucurbitaceae) เช่นเดียวกับบวบ ฟัก และแตงชนิดต่างๆที่นำเสนอไปแล้ว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า (Citrullus lanatus Mats. Et Nakai)  ภาษาอังกฤษเรียก Water melon ภาคเหนือเรียก มะเต้า ภาคใต้เรียก แตงจีน แตงโมนั้นเป็นพืชล้มลุกประเภทเถาเลื้อย โตเร็ว ลักษณะทั่วไปคล้ายแตงชนิดอื่น ๆ แต่ใบมีลักษณะพิเศษกว่าแตงอื่นๆ ที่มักเป็นแผ่นเดียวกันตลอด ใบแตงโมเป็นแฉกๆ แคบๆ ไม่ค่อยเป็นระเบียบ ดอกมี 2 เพศ แยกจากกันบนต้นเดียวกัน กลีบดอกสีเหลืองอ่อน ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่อาจมีสีผิวเขียวอ่อน เขียวแก่ น้ำเงินแก่ เขียวลายขาว ฯลฯ ลักษณะผลมีทั้งกลม รูปไข่ หรือทรงกระบอกยาวหัวท้ายมน ฯลฯ มีขนาดตั้งแต่ค่อนข้างเล็กไปจนโตหลายกิโลกรัม สีของเนื้อเมื่ออ่อนสีขาว เมื่อแก่จัดมีทั้งสีขาว เหลือง ชมพูและแดง เมล็ดแบน เปลือกหนากว่าแตงกวา สีเปลือกเมล็ดมีทั้งสีน้ำตาลอ่อนไปถึงเข้าและสีดำ เนื้อในเมล็ดสีขาว เนื้อในผลแตงโมมีลักษณะฉ่ำน้ำ รสหวานมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพันธุ์และการดูแลรักษา

ประโยชน์และสรรพคุณของแตงโม ไม่เพียงแต่แตงโมจะมีรสหวาน และเย็นฉ่ำเท่านั้น ยังมากด้วยสารอาหาร และประโยชน์ในด้านต่างๆให้แก่ร่างกายด้วย อาทิ แคลเซียม, ฟอสฟอรัส, เหล็ก, โปแตสเซียม, และวิตามินต่างๆ โดยเฉพาะ วิตามินเอ จะมีมากในเนื้อแตงโมพันธุ์ที่มีเนื้อสีแดง สำหรับเพื่อนๆที่ชื่นชอบในการดื่มน้ำผลไม้ แตงโมก็เป็นผลไม้อีกหนึ่งอย่าง ที่จะช่วงแก้กระหายน้ำ หรือว่าลดอาการอ่อนเพลีย เพิ่มความกระชุ่มกระชวยได้ด้วย แตงโมยังมีสรรพคุณที่สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อ เพราะจากการดื่มน้ำแตงโมจะช่วยเพิ่มเบต้าแคโรทีน ซึ่งร่างกายสามารถใช้ในการสร้างวิตามินเอ และการมีวิตามินเอมากๆ ก็จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ แตงโมยังเป็นผลไม้ที่มี citrulline อยู่มาก สารตัวนี้จะไปช่วยในการรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น ในการรับประทานแตงโม ไม่ใช่แค่ว่าจะดื่มน้ำแตงโมอย่างเดียว เราควรกินเนื้อของแตงโมเข้าไปด้วย โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นเนื้อสีขาวที่อยู่ลึกลงไป แม้รสชาติจะไม่ค่อยหวานซักเท่าไหร่ แต่กลับมีประโยชน์มากมายเลยทีเดียว

วิธีการเลือกซื้อแตงโม ควรเลือกแตงโมที่ลักษณะ เปลือกผิวเรียบ ไม่เป็นรอยบุบ หรือช้ำ / ลองดีดแตงโมจะได้ยินเสียงที่แน่น แปลว่าเนื้อในกรอบ / สังเกตุที่ขั้วแตงโมจะไม่แห้งมากสีคล้ายคลึงกับผิวแตงโม / ถ้าเขาผ่าแตงโมให้ดู ควรเลือกที่มีสีแดงเป็นธรรมชาติไม่สดมาก เพราะถ้าสีแดงสดมากใช้สารเร่งสีเยอะ
 

 
วิธีผ่าแตงโม เหมือนจะง่าย แต่ผ่าผิดวิธีอันตรายมาก เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินมาเรื่องสารต่างๆที่ติดกับมีด ตอนที่เราผ่าแตงโม ไม่ว่าจะเป็นยาฆ่าแมลงต่างๆ รวมไปถึงสารเคมีที่ตกค้างอยู่บนผิวของแตงโมด้วย แต่ถ้าเราเลี่ยงได้โดยปลอกให้ถูกวิธีก็สบายใจไปหน่อย หามีดที่จะนำมาใช้ปลอกแตงโมมาสัก 2 เล่ม หรือถ้าใครมี 1 เล่มก็ได้
ผ่าตรงหัวแตงโม 1 ด้าน  แล้วปลอกเปลือกออกตามแนวนอนนะครับพอสมควร จากนั้น ล้างมีด 1 รอบ  แล้วค่อยผ่าแตงโมออก ครึ่งลูก แล้ว ผ่าเป็นชิ้นๆ พร้อมเสิร์ฟจ้า
แตงโมช่วยลดความอ้วนได้จริงหรือ? ถ้าถามว่า แตงโมเนี่ยลดความอ้วนได้แน่นอนเลยหรือไม่ ก็อาจจะไม่ได้ลดได้ถึง 100 % นะครับ แต่จากงานวิจัยต่างๆที่ตีพิมพ์ใน วารสารโภชนาการ ของต่างประเทศ “Journal of Nutrition” ได้ให้ข้อมูลว่า กรดอะมิโนในแตงโม ที่มีชื่อว่า “อาร์จินิน (Arginine)” มีอยู่มากมายในเนื้อแตงโม เป็นสารที่ช่วยในการเผาพลาญแคลอรี่ได้  โดยนักวิจัยได้ให้อาหารเสริม Arginine แก่หนูที่มีน้ำหนักเกินเป็นเวลาติดต่อกันกว่าสามเดือน และพบว่ามันช่วยลดปริมาณไขมันในร่างกาย ลูงได้ถึง 64 % ไม่เพียงแค่นั้น ยังช่วยให้เราอิ่มได้ไวขึ้นอีกด้วย

กินแตงโมแล้วคลายเครียด สภาวะแรงกดดันมากมายในยุคปัจจุบัน การกินแตงโมก็สามารถช่วยลดความตึงเครียดได้อีกด้วย เพราะโพแทสเซียมในแตงโม จะช่วยควบคุมความดันโลหิต ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ดีเย็นชื่นใจ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

แตงโมช่วยทำให้ผิวพรรณดี สาวๆหลายคนคงทราบเคล็ดลับนี้ดี หรือหนุ่มๆก็สามารถทำได้ วิธีทำไม่อยากเลยครับ ให้เราเฉือนแตงโมให้เป็นชิ้นบางๆนะครับพยายามใช้เนื้อที่อยู่วงในสุด (ถ้าใช้เนื้อแตงโมที่อยู่ใกล้เปลือกจะมีความเข้มข้นของกรดครับ) พอได้สักประมาณ 10-15 ชิ้นแล้ว ให้เรานำมาวางที่ผ้าขาวบาง แล้วนำมาปิดลงที่ใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด+

รู้เคล็ดลับดีๆแล้วก็อย่าลืม หาแตงโมมาทานกันดูนะจ๊ะ

ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ ecitepage
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ สุขภาพไทย
[ ... ]

เปลือกแตงโมแก้แพ้แดด


บ้านเราเมืองเรา ไม่ว่าฤดูไหน แดดช่างแรงกล้าเสียจริง แผดเผาเราได้ทั้งวัน อย่างนี้ผิวจะไม่เกรียมได้ไงไหว แต่ไม่เป็นไรครับ มีหนทางแก้ไขมาบอกกัน นำแตงโมเนื้อแดงฉ่ำที่เรากินแก้กระหายยามร้อนได้แล้วนั้น กินหมดอย่าทิ้งเปลือกไปเชียว
เพราะเปลือกแตงโมมีสรรพคุณกันแดดแผดเผาได้ เพียงแค่นำเปลือกแตงโมมาแช่ตู้เย็นช่องแช่แข็ง จากนั้นก็นำมาแปะไว้ที่แผลเวลาโดนแดดเผา ก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนได้ชะงัดนัก ไม่เชื่อลองทำดูครับ
แตงโม
ชื่ออื่น ๆ : แตงอุลิด, หมากโม
ชื่อสามัญ : water melon
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Citrullus lanatus Mats & Nakai
วงศ์ : CUCURBITACEAE
ลักษณะทั่วไป :
ต้น : เป็นพรรณไม้เถาเลื้อยชนิดหนึ่ง ที่ลำต้นจะเลื้อยทอดไปตามพื้นดิน ลำเถานั้นจะโตราว ๆ นิ้วก้อยหรืออาจจะเล็กกว่านี้ก็ได้ เถามีสีเขียว
ใบ : ออกใบเดี่ยวตามข้อเถา ซึ่งใบนี้จะมีสีเขียว จะยาวประมาณ 1 คืบ หรืออาจจะยาวและสั้นกว่านี้ก็มี ตามใบจะมีลายสีขาวประทั่ว โคนใบกว้าง ปลายใบแหลมเล็ก ขอบใบจะเว้าลึก ใบของแตงโมนี้ความกว้างจะน้อยกว่าความยาว
ดอก : ออกตรงส่วนยอดของเถา มีสีเหลือง ขนาดเท่ากับหัวแม่มือ
ผล : มีทั้งชนิดกลมและชนิดยาว อย่างกลมก็โตราว ๆ ลูกมะพร้าวอย่างยาวก็ขนาดเท่าลูกฝัก แต่อย่างกลมนั้นเนื้อในจะแดงมีรสหวานกว่า เมื่อยังอ่อนเนื้อในเป็นสีขาวซึ่งเป็นผักใส่แกงได้ ผลยาวจะเป็นสีแดงอ่อนหรือสีเหลืองก็มี เมล็ดในของผลทั้งสองอย่างนี้เหมือนกัน คือจะเป็นเม็ดแบน ๆ เมื่ออ่อนสีขาว พอแก่กลายเป็นสีน้ำตาลอมดำ ซึ่งเรานำมารับประทานได้เช่นกัน ส่วนมากจะรู้จักกันดีมีชื่อว่า
“เมล็ดแตงโม” และเราจะแกะกินเฉพาะเนื้อในเมล็ดเท่านั้น หวานมันอร่อย
การขยายพันธุ์ : เป็นไม้กลางแจ้ง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
ส่วนที่ใช้ : ราก ผล
สรรพคุณ : ราก ใช้ปรุงเป็นยาแก้ร้อนในกระหายน้ำ
บางคนได้เชื่อกันว่าถ้าใครที่ท้องมาน ให้ทานเนื้อแตงโมแก่โรยน้ำตาล ทานให้หมดลูกซึ่งจะช่วยขับน้ำในท้องออกแล้วท้องมานก็จะยุบได้ (แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าพิสูจน์)
ข้อมูลจาก : www.samunpri.com
[ ... ]

ผักกาด ประโยชน์มหาศาล


     ผักธรรมดาที่เรานิยมนำไปประกอบอาหารอย่าง “ผักกาด” นั้น ความจริงแล้วผักชนิดนี้ถูกจัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง ที่สามารถรักษาโรคได้มากมายทีเดียว ที่หลายท่านอาจคาดไม่ถึง
     ผักกาดนั้นมีอยู่สองประเภท คือ ประเภทกินใบ ได้แก่ ผักกาดขาว ผักกาดดำ และประเภทกินดอก เช่น กะหล่ำดอก ซึ่งในผักกาดจะอุดมไปด้วยสารที่ช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง ในอดีตมักจะคั้นเอาน้ำสด ๆ ใช้อมกลั้วคอสำหรับรักษาอาการร้อนใน และยังใช้ทารักษาโรคโซไรอะซิส หรือโรคเรื้อนกวาง
     บร็อคโคลี่ก็ถือเป็นตระกูลเดียวกับผักกาด หรือบางคนรู้จักกันในชื่อ กะหล่ำดอกอิตาเลียน จะให้พลังงานมากกว่าผักคะน้า หัวไชโป๊ กะหล่ำดอก ผักกาดขาวปลี(อีลุ้ย) และกวางตุ้ง
     ส่วนผักกาดหอมหรือผักสลัด ในทางวิทยาศาสตร์พบว่า ผักในตระกูลนี้รักษาโรคได้ทุกโรค เป็นทั้งอาหารและยาสมุนไพรที่ให้ประโยชน์มหาศาลอย่างมาก จึงแนะนำให้รับประทานผักชนิดนี้เสมอ ซึ่งโดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องการป้องกันกระดูกพรุน หูตาพร่ามัว ป้องกันมะเร็ง ในขณะที่แพทย์แผนไทยโบราณได้จัดผักกาดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง โดยน้ำต้มผักกาดสามารถใช้ดื่มแก้อาการเจ็บคอ ใช้หยอดรักษาเป็นยาล้างแผลเรื้อรัง และพ่นแก้อาการหอบหืด การนำผักกาดบดหรือกวางตุ้งบดแล้วคั้นเอาเฉพาะน้ำ ให้ได้ 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นเทลงไปในน้ำเดือดปริมาณ 1 ถ้วยตวง รอให้อุ่น สำหรับดื่มแทนน้ำจะช่วยเสริมพลังงาน ชะลอแก่ได้อีกด้วย
    สรรพคุณของผักกาดยังไม่หมดเพียงเท่านี้ หากลวกใบผักกาดขาว ตัดเป็นท่อน ๆ โรยด้วยเกลือ น้ำส้ม น้ำตาล เหยาะน้ำมันงาบริสุทธิ์ 1 ช้อนชา หมักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วทานกับข้าวต้มทุกวัน จะช่วยให้ฟื้นตัวจากไวรัสตับอักเสบบีได้รวดเร็ว และถ้านำผักกาดเขียวปลี 1 กิโลกรัมกับแห้วสดครึ่งกิโลกรัม ต้มดื่มเป็นน้ำชา แล้วบีบมะนาวลงไปด้วย ยังจะช่วยขับปัสสาวะและลดความร้อนในร่างกาย ป้องกันโรคนิ่วได้อีกด้วย ประโยชน์มหาศาลแบบนี้ไม่ทานไม่ได้แล้ว
[ ... ]