Tuesday, October 20, 2009

7 ขั้นตอน ตรวจภายใน ด้วยตัวเอง.


ผู้หญิงอย่างเราๆ เมื่ออายุย่างเข้าเลข 3 ก็ควรต้องเริ่มดูแล หมั่นคอยไปตรวจสุขภาพภายในบ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงล่าง อย่างอวัยวะเพศ ที่แสนจะบอบบาง ยิ่งช่วงนี้อย่างที่เรารู้กันดีว่า.. โรคมะเร็งปากมดลูก โรคที่กำลังมาแรง และได้ทำลายชีวิตผู้หญิงกันไปหลายคนแล้ว ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการรักษาโรคนี้ ฉนั้นเราจึงต้องหมั่นดูแลคอยตรวจภายในอยู่เป็นประจำทุกปีนะค่ะ

วันนี้เราเลยมีเทคนิค การตรวจภายในช่องคลอดเบื้องต้นด้วยวิธีง่ายๆ และสะดวก แต่จะช่วยให้เพื่อนๆ รู้ และรักษาอาการผิดปกติบริเวณจุดซ่อนเร้นของเพื่อนๆ ได้อย่างทัน ท่วงที ถ้าพบ! กับ 7 ขั้นตอน ตรวจภายใน ด้วยตัวเอง.

1. ล้างมือให้สะอาดก่อนเริ่มตรวจ จากนั้นจัดท่าของตัวเองว่าจะนั่งหรือนอนอย่างไรให้เห็นอวัยวะเพศของตัวเอง ได้ดีที่สุด อาจจะนอนชันเข่าหลังพิงฝาโดยใช้หมอนหนุนหลัง หรือนั่งยองๆ นั่งคุกเข่า ท่าใดท่าหนึ่งก็ได้ที่คิดว่าสะดวกที่สุด

2. หากระจกที่สามารถใช้ถือดูอวัยวะเพศของคุณมา 1 บาน

3. ให้ใช้มือข้างที่ถนัดแยกแคมใหญ่ทั้งสองข้างออกจากกัน แล้วมองและคลำดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ เช่น ก้อน ตุ้มแข็ง ตุ้มน้ำ แผล รอย บวม หรือมีบริเวณที่สีเปลี่ยนไป คล้ำมากหรือแดงมากหรือไม่

4. จากนั้นใช้นิ้วแยกแคมเล็กออกจากกันตรวจหาความผิดปกติต่างๆ แบบเดียวกับขั้นตอนที่ 3 แล้วตรวจดูที่บริเวณรูเปิดท่อปัสสาวะว่ามีอาการบวมแดงหรือเปล่า และใช้มือดึงรั้งผิวหนังที่คลุมบริเวณคลิตอริสขึ้นไป เพื่อตรวจดูว่ามีแผลหรือไม่

5. ใช้นิ้วมือสองนิ้วสอดเข้าไปในช่องคลอดแล้วกดแยกหนังช่องคลอดออกจากกัน สังเกตตกขาวใน ช่องคลอด ถ้าเป็นสีขาวขุ่น เป็นมูกเหนียวหรือมูกใส มีกลิ่นคราวเล็กน้อย แสดงว่าเป็นตกขาวปกติ แต่ถ้ามีลักษณะคล้ายคราบนมที่เด็กแหวะออกมา และมีอาการคันด้วย แสดงว่าอาจมีเชื้อราหรือเชื้อพยาธิในช่องคลอด ถึงเวลาที่ต้องไปพึ่งคุณหมอสูติฯ แล้วล่ะ

6. ใช้นิ้วมือคลำบริเวณส่วนล่างของ แคมใหญ่ทั้งสอง โดยให้นิ้วมือหนึ่งอยู่ในช่องคลอด และอีกนิ้วหนึ่งอยู่ที่ส่วนล่างของแคมใหญ่ ดูว่ามีก้อนคล้ายถุงน้ำบริเวณนั้นหรือเปล่า เพราะเป็นตำแหน่งของต่อมที่สร้างมูกออกมาช่วยหล่อลื่นในช่องคลอด ซึ่งท่อที่ปล่อยมูกนี้มักเจอปัญหาอุดตันได้บ่อย ถ้าคลำได้เป็นก้อนนิ่มๆ ล่ะก็อย่าปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้อักเสบเป็นหนองได้

7. สุดท้ายตรวจบริเวณฝีเย็บและรูทวารว่ามีก้อนเนื้อที่เรียกว่า ริดสีดวงทวาร หรือเปล่า ถ้ามีก็รีบปรึกษาหมอว่าจะมีวิธีรักษาอย่างไร ไม่อย่างนั้นจะลำบากเวลาขับถ่าย

แหล่งที่มา:
http://www.thiswomen.com/Health/7-id2095.aspx

0 comments: